|
|
1. รู้จักกระเบื้อปูพื้น
กระเบื้องเป็นวัสดุปูพื้นยอดนิยมและมีให้เลือกมากที่สุด มาดูกันว่ามีกระเบื้องอะไรให้เลือกบ้าง รวมถึงข้อพิจารณาในการเลือกและใช้งาน
|
|
|
กระเบื้องแกรนิโต้
มีเนื้อแกร่งคล้ายหิน มักผลิตเป็นแผ่นขนาดใหญ่ จึงนิยมปูภายในบ้านเพราะมีรอยต่อน้อยและสวยงาม แต่กระเบื้องชนิดนี้มีตั้งแต่ราคาตารางเมตรละ 400-2,000 บาท จึงมีคุณภาพแตกต่างกัน กระเบื้องที่มีราคาถูกมักพบปัญหาแผ่นกระเบื้องไม่เรียบสม่ำเสมอ สีเพี้ยน ขนาดไม่เท่ากัน ซึ่งพอแก้ไขได้ด้วยการปูวางสลับกันเป็นลายอิฐ ก็จะช่วยพรางตาไม่ให้สังเกตได้ชัดนักและลบขอบมุมกระเบื้องที่เผยอขึ้นมาป้องกันไม่ให้เดินสะดุด
|
|
|
กระเบื้องเซรามิก
นอกจากการเลือกตามลวดลายที่ชอบแล้ว เรามีข้อแนะนำในการเลือกซื้อมาฝาก
|
|
|
|
• ขอบกระเบื้องมีหลายแบบ คือ
ขอบเรียบปกติ ปูแบบเว้นร่องอย่างที่เห็นทั่วไป
ขอตัดตรง เป็นกระเบื้องที่ปูชิดกันโดยไม่ต้องเว้นร่องยาแนวทำให้พื้นดูเรียบกว่า และ
ขอบมน จะปูเว้นร่องตามปกติ แต่ด้วยขอบที่มนทำให้เห็นรอยต่อกระเบื้องกว้างกว่าปกติ และแผ่นกระเบื้องดูนูนขึ้นมา เหมาะกับบ้านสไตล์คันทรีและร่วมสมัย
• หากเลือกใช้กระเบื้องลายธรรมชาติอย่างลายหินอ่อน ลายไม้ ควรเลือกรุ่นที่มีลวดลายคละกัน เวลาปูก็จะดูธรรมชาติคล้ายหินหรือไม้จริงมากขึ้น
• เลือกใช้กระเบื้องให้ถูกประเภท กระเบื้องกรุผนังจะบางกว่าและใช้ปูพื้นไม่ได้ ส่วนกระเบื้องปูพื้นสามารถปูได้ทั้งพื้นและผนัง โดยด้านหลังแผ่นกระเบื้องมักมีบอกประเภทไว้
|
|
|
กระเบื้องดินเผา
ธรรมชาติของกระเบื้องชนิดนี้จะมีขนาดแต่ละแผ่นไม่เท่ากันเป๊ะ จึงต้องปูยาแนวเว้น่องกว่างกว่ากระเบื้อเซรามิก คือประมาณ 1 เซนติเมตร เพื่อช่วยปรับระยะกระเบื้องที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นถ้าใครชอบวัสดุที่เป็นธรรมชาติแบบนี้ ก็ต้องยอมรับความคลาดเคลื่อนได้ด้วย
|
|
|
กระเบื้องยาง
มีจุดเด่นที่ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา และเดี๋ยวนี้ก็มีลายให้เลือกมากขึ้น มีทั้งแบบเป็นม้วนปูได้พื้นที่กว้างๆ โดยไม่มีรอยต่อ แบบแผ่นที่ใช้กาวติดตั้ง และแบบแผ่นที่มีกาวในตัว เป็นอีกทางเลือกสำหรับบ้านพักอาศัย โดยเฉพาะการปรับปรุงและต่อเติมบ้าน ที่ควรใช้วัสดุน้ำหนักเบาและติดตั้งเร็ว
|
|
2. เลือกไม้อะไรปูพื้นดี
พื้นเป็นส่วนที่ต้องรับศึกหนักจากการกระแทก จึงควรใช้ไม้เนื้อแข็งซึ่งมีหลายชนิดมากทั้งของไทยและเทศขอแนะนำไม้ที่นิยมนำมาทำพื้นให้คุณติดสินใจเลือกได้ตรงใจ โดยเรียงตามลำดับความแข็งจากมากไปน้อย
|
|
|
ไม้แดง
เนื้อไม้มีสีแดงเรื่อๆ ถึงสีน้ำตาลอมแดง เนื้อละเอียดพอประมาณ เนื้อเหนียว แข็งแรงและทนทาน แต่มีการขยายตัวมากที่สุดในบรรดาไม้ที่นิยมใช้ในบ้านเรา จึงต้องผ่านการอบมาอย่งดีหาปูพื้นต้องเว้นของพื้นให้ห่างจากผนังมากกว่าไม้ชนิดอื่น นิยมใช้ในส่วนที่ไม่ใช่โครงสร้าง เช่น พื้น วงกบประตูหน้าต่าง เครื่องเรือน
|
|
|
ไม้ประดู่
เนื้อไม้สีแดงอมเหลืองถึงสีแดงอิฐแก่ มีความแข็งใกล้เคียงไม้แดง มีลวดลายสวยงาม เนื้อละเอียดปานกลาง แต่งผิวและชักเงาได้ดี แต่คนไม่ค่อยชอบ เพราะบางครั้งสีเป็นจ้ำๆ
|
|
|
ไม้เต็ง
แรกๆ เนื้อไม้มีสีน้ำตาลแก่แกมแดง เนื้อหยาบ แต่สม่ำเสมอ นิยมใช้ทำโครงสร้างอย่างคาน ตงและพื้น ในท้องตลาดมีทั้งไม้เต็มไทยและไม้เต็งมาเลย์ ซึ่งไม้เต็งไทยจะทนทานกว่า
|
|
|
ไม้มะค่า
เนื้อไม้สีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลแก่และจะเข้มขึ้นเมื้อทิ้งไว้นาน มีเส้นเสี้ยนเนื้อค่อนข้างหยาบ แต่สม่ำเสมอเป็นมันเลื่อม เห็นลายไม้ชัดเจน ทนมอดปลวกได้ดี มีการยืดหกค่อนข้างน้อย
|
|
|
ไม้สัก (บางตำราจัดเป็นไม้เนื้ออ่อน)
เนื้อไม้มีสีเหลืองทอง และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและน้ำตาลแก่ มีกลิ่นเหมือนหนังฟอกเก่าๆ มีจุดเด่นที่ลายไม้สวยงาม แต่หากใช้งานหนักจะเป็นรอยง่าย จึงควรเคลือบด้วยวาร์นิชที่ช่วยให้ไม้ทนการขัดถูมากขึ้น
|
|
3. พื้นอีพ็อกซี่ มี 2 ชนิด
ก่อนจะเลือกทำพื้นเคลือบผิวอีพ็อกซี่ (Epoxy Coating) ซึ่งเป็นระบบการเคลือบพื้นผิวโดยใช้ “สีอีพ็อกซี่” ต้องรู้ก่อนว่าอีพ็อกซี่โดยทั่วไปมีให้เลือก 2 ชนิด คือ
|
|
|
1. สีอีพ็อกซี่ชนิดทา
เป็นการทาสีอีพ็อกซี่ 2-3 เที่ยวลงบนพื้นคอนครีตที่ปรับผิวให้เรียบแล้ว เมื่อทาเสร็จจะมีความหนาประมาณ 1 มิลลิเมตร ความเรียบของพื้นผิวอีพ็อกซี่จะขึ้นอยู่กับการเตรียมพื้นผิวคอนกรีต เหมาะสำหรับพื้นที่ใช้งานทั่วไป
|
|
|
2. สีอีพ็อกซี่ชนิดปรับระดับผิวเอง
(Self-leveling) มีคุณสมบัติพิเศษ ที่มีเมื่อเทลงไปแล้วสามารถปรับระดับผิวให้เรียบเองได้ ทำให้มีผิวเรียบกว่าแบบแรก ทำได้หลายความหนา ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ราคาค่อนข้างสูง นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารสาธารณะ หรือใช้ในบ้านที่ต้องการพื้นเรียบมากๆ
|
|
สีอีพ็อกซี่ทั้งสองชนิดมีจุดอ่อน ถ้าการเตรียมพื้นผิวไม่ดีพอจะมีความชื้นใต้พื้น และพื้นแบบนี้ถ้าเจอของแหลมคมจะเป็นรอย หากจะให้ดีควรให้บริษัทผู้ชำนาญมาทำให้
|
|
4. อย่าลืมบัวเชิงผนัง
บัวเชิงผนังคือขอบไม้หรือวัสดุอื่นที่กรุส่วนชายล่างผนังรอบๆ ขอบพื้น เพื่อป้องกันรอยเปื้อนจากการใช้งานและการทำความสะอาดไม่ให้เปื้อนผนังจนดูน่าเกลียด ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี
|
|
|
1. ทาส่วนล่างของหนังด้วยสีน้ำมันซึ่งทำความสะอาดง่าย ให้สูงจากพื้น 7-10 เซนติเมตร เป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด แต่ไม่ทนทาน
2. กรุขอบผนังด้วยไม้ กระเบื้อง หรือหินชนิดเดียวกับพื้น เป็นวิธีที่ติดตั้ง สะดวก แต่ขอบจะนูนออกมาจากผนังเล็กน้อย
3. กรุบัวเชิงผนังให้เรียบไปกับผนัง โดยฉาบปูนส่วนล่างของผนังให้เว้าเข้าไปตามความหนาของวัสดุที่จะกรุ แล้วเซาะร่องกว้าง 5-10 มิลลิเมตร ก็ช่วยให้ดูเรียบร้อยสวยงาม
|
|
5. ห้าม! ใช้พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปทำพื้นห้องน้ำ ระเบียง และดาดฟ้า
พื้นคอนครีดสำเร็จรูปคือแผ่นคอนกรีตที่หล่อสำเร็จแล้วนำมาวางเรียงต่อกันเป็นโครงสร้างพื้น นิยมใช้ทำโครงสร้างพื้นภายในบ้าน เพราะก่อสร้างได้เร็ว แต่อย่าเผลอให้ช่างที่ไม่รู้ความนำไปทำพื้นส่วนเปียก เช่น ห้องน้ำ ระเบียงชั้นบน และดาดฟ้า เพราะไม่นานก็จะมีน้ำซึมลงมาตามรอยต่อพื้นจนชีวิตต้องซึมไปตามๆ กัน
พื้นส่วนเปียกต้องทำโครงสร้างพื้นคอนกรีตแบบหล่อในที่ซึ่งจะเทพื้นคอนกรีตให้เป็นชิ้นเดียวกันโดยไม่มีรอยต่อ แล้วอาจเพิ่มระบบกันซึมก็หายห่วงได้เลย
|
|
โครงสร้างพื้นคอนกรีต
โครงสร้างปกติของการทำพื้นบ้านมี 2 ระบบ
|
|
-
พื้นวางบนดิน (Slab on Ground) เป็นการทำพื้นวางบนพื้นดินโดยไม่ต้องทำคานรองรับ น้ำหนักทั้งหมดของพื้นจึงถ่ายลงสู่ดินโดยตรง ประหยัดค่าโครงสร้าง แต่มักจะทรุดลงตามพื้นดินที่ทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา เหมาะสำหรับพื้นลานและทางเดินภายนอกบ้าน
2. พื้นวางบนคาน (Slab on Beam) เป็นการทำพื้นให้ถ่ายน้ำหนักลงบนคาน มี 2 แบบ คือ
• พื้นคอนกรีตหล่อในที่ โดยการหล่อพื้นเป็นเนื้อเดียวต่อเนื่องกับคานจึงไม่มีรอยต่อ เหมาสำหรับพื้นที่อย่างห้องน้ำ ระเบียง
• พื้นคอนกรีตสำเร็จรูป เป็นการวางแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปบนคาน แล้วค่อยเทคอนกรีตทับผิวหน้าอีกชั้น ระบบนี้ทำงานได้เร็ว และประหยัดกว่าแบบแรก
|
|
6. พื้นเอียง พื้นแอ่น
หากรู้สึกว่าพื้นเอียงหรือแอ่น ลองใช้ลูกปิงปองหรือลูกเหล็กกลมๆ วางที่พื้น ถ้ากลิ้งไม่หยุดก็แปลว่าความรู้สึกคุณนั้นถูกต้อง พื้นที่ปูเสร็จแล้วแก้ไขค่อนข้างยาก เพราะต้องรื้อหรือปรับแต่งพื้นผิวใหม่ แต่มีข้อควรสังเกตคือ พื้นมีการเอียงหรือแอ่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ ร้วมทั้งมีรอยร้าวเกิดขึ้นที่ใต้ท้องพื้นหรือบริเวณคานหรือไม่ ถ้ามีอาคารดังกล่าวน่าจะเป็นเพราะพื้นบรรทุกน้ำหนักมากเกินไป โดยเฉพาะจุดที่วางหนังสือหนักๆ และแท็งก์น้ำ การแก้ไขเบื้องต้น คือ ย้ายของหนักๆ ออก แล้วให้วิศวกรมาแนะนำวิธีแก้ไขตามแต่ละกรณี
|
|
7. ไม่ควรเพิ่มระดับพื้นด้วยการเทคอนกรีตทับ
หากจะยกระดับพื้นภายในบ้านเดิมให้สูงขึ้น ควรเสริมด้วยโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาอย่างทำโครงเหล็กปูแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ หากทำพื้นสูงไม่มากอาจเสริมด้วยอิฐมอญซึ่งมีน้ำหนักเบาและกลวง แล้วค่อยเทปูนปูพื้นใหม่ แต่ไม่ควรเพิ่มความสูงพื้นด้วยการเทคอนกรีตหนาๆ เพราะคอนกรีตนั้นเนื้อแน่นและหนักมาก ไม่ต่างอะไรกับหิน ซึ่งอาจทำให้โครงสร้างบ้านเดิมรับน้ำหนักเพิ่มกันหน่อย จะให้ดีควรปรึกษาวิศวกรสักนิดเถอะ
|
|
8. วิธีดูแลพื้นหินต่าง
แม้หินจะเป็นวัสดุที่ทนทาน แต่เมื่อใช้งานไปก็ย่อมสึกกร่อนเป็นธรรมดา มาดูการดูแลรักษาพื้นหินยอดนิยม 3 ชนิด อย่างถูกวิธีกัน
|
|
|
หินขัด (Terrazzo)
เป็นวัสดุผสมระหว่างเกล็ดหิน ปูนซีเมนต์ขาว สีผสมซีเมนต์ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดทุกวัน หรือล้างคราบสกปรกด้วยน้ำผสมผงซักฟอกหรือน้ำสบู่ และหลังจากขจัดคราบสกปรกแล้ว ควรลงแว็กซ์เพื่อเคลือบเงาอีกครั้งหนึ่ง (ควรลงแว็กซ์หรือน้ำมันขี้ผึ้งอย่างน้อยปีละครั้ง) หากเปื้อนคราบหมึก กาแฟ หรือคราบอื่นๆ ที่ล้างน้ำธรรมดาไม่ออก ควรใช้นำยาขจัดคราบสกปรกสำหรับพื้นหินขัดโดยเฉพาะ และหลีกเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดทีมีฤทธิ์เป็นกรด เพราะจะทำให้ผิวหน้าเสียหายได้ และหากผิวหน้าสึกกร่อนหรือชำรุดมาก ควรใช้ช่างขัดลอกผิวหน้าเดิมออกพร้อมเคลือบผิวใหม่ ก็จะได้พื้นหินขัดที่สวยงามเหมือนใหม่
|
|
|
หินอ่อน
หินอ่อนมีเนื้อไม่แข็งนัก และมีรูพรุนเล็กๆ ในเนื้อหิน จึงเกิดรอยขีดข่วน และสิ่งสกปรกซึกเข้าไปได้ง่าย การทำความสะอาดทั่วไปให้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดทุกวัน และเช็ดน้ำยาทำความสะอาดหินอ่อนโดยเฉพาะสัปดาห์ละครั้ง หากมีความสกปรกฝังแน่นให้ใช้น้ำยาขจัดคราบ ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านขายหินหรือโมเดิร์นเทรดอย่าง Homepro, Homeworks และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีจำพวกกรดและด่าง จึงไม่ควรใช้ในห้องน้ำและห้องครัว แต่ถ้าขาดการดูแลและรักษามานานหรือเป็นรอยมากๆ ควรให้ช่างใช้เครื่องขัดลอกผิวหน้าเดิมออกไป แล้วเคลือบเงาใหม่ให้กลับมาสวยงามดังเดิม
|
|
|
หินแกรนิต
นอกจากการเช็ดถูตามปกติ ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและขัดเงาสำหรับหินแกรนิตโดยเฉพาะที่มีขายทั่วไป หากมีคราบสกปรกสนิมเหล็ก น้ำปูน ยาง ไม้ ก็ใช้นำยาทำความสะอาดที่ขจัดคราบสกปรกโดยเฉพาะแล้วขัดเงาด้วยแว็กซ์ชนิดน้ำ ทั้งควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ประเภทผงซักฟอก น้ำยาขัดห้องน้ำ น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรด ตลอดจนน้ำมันก๊าดและน้ำมันมะกอก เพราะจะทำให้ผิวหินด้านไม่เงางาม
|
|
9. เริ่มปูกระเบื้องจากตรงไหนดี
จะเริ่มปูกระเบื้องจากมุมห้องหรือกลางห้องก็ได้ แต่ไม่ควรให้เหลือเศษกระเบื้องเล็กๆ ที่ขอบมุมห้อง ทำให้ดูไม่ลงตัว ควรให้ผู้รับเหมาหรือสถาปนิกเขียนแบบแพตเทิร์นการวางแผ่นกระเบื้อง ซึ่งเรียกการเขียนรายละเอียดนี้เป็นภาษาช่างว่า “Shop Drawing” โดยเฉพาะการปูกระเบื้องที่มีหลายขนาดหรือเป็นลวดลาย จะได้ไม่ต้องรื้อหรือเสียดายภายหลัง
|
|
|
|